FIN App ในส่วนของ Portfolio ใช้วิธีคิดต้นทุนแบบ FIFO (First in, First out)

ณ เวลานี้ (กันยายน 2560) FIN App ในส่วนของ Portfolio ใช้วิธีการคิดต้นทุนเป็นแบบ FIFO (First in, First out) นะครับ ทีนี้เพื่อให้ชัดเจนสำหรับท่านที่ยังไม่ทราบว่า FIFO คิดอย่างไร เลยเขียนมาบรรยายเพิ่มเติมนิดนึงฮะ

ปกติการลงต้นทุนของสินค้าในบัญชีจะมี 3 ระบบหลัก คือ แบบ Average, FIFO, LIFO

  • Average จะเป็นการรวมราคาต้นทุนที่ซื้อไว้ทั้งหมดหารด้วยจำนวนหน่วยที่เหลือ
  • FIFO (First in, First out) สินค้าเข้าก่อนคิดเป็นต้นทุนออกก่อน คำนวณโดยเอาราคาต้นทุนสินค้าที่ซื้อเข้ามาก่อนเป็นต้นทุนหากมีการขายออกไป
  • LIFO (Last in, First out) สินค้าที่เข้ามาหลังสุด คิดเป็นต้นทุนออกไปก่อน คำนวณโดยเอาราคาต้นทุนสินค้าที่ซื้อหลังสุดเป็นต้นทุนหากมีการขายออกไป

ซึ่งโดยมากวิธีการคิดต้นทุน NAV กองทุนรวมจะใช้แบบ FIFO และ Average เป็นส่วนใหญ่ และเนื่องจากระบบ FIFO เป็นระบบที่ใช้ในการคิดต้นทุนกองทุนรวม LTF ตามกำหนดการเสียภาษี

มาดูตัวอย่าง
Day 1 ซื้อ กองทุน A @ 10 B จำนวน 100 หน่วย
Day 2 ซื้อ กองทุน A @ 12 B จำนวน 200 หน่วย
Day 3 ซื้อ กองทุน A @ 15 B จำนวน 50 หน่วย
Day 4 ขาย กองทุน A @ 16 B จำนวน 100 หน่วย
Day 5 ขาย กองทุน A @ 20 B จำนวน 250 หน่วย

11265306_817109605025086_5626433976029808548_o
วิธีคิดต้นทุนแบบ FIFO และ แบบ Average

วิธีการคำนวณ แบบ FIFO
เมื่อมีการขายเกิดขึ้นจะคิดต้นทุนราคาของหน่วยที่ราคา 10 บาท ก่อน ดังนั้น ขายราคาที่ 16 – 10 บาทจะรับรู้กำไรที่ 6 บาท หลังจากขายวันที่ 4 แล้วสามารถหา average ณ Day 4 ของ FIFO ได้ 12.6

วิธีการคำนวณ แบบ Average
คิดคำนวณ Average ทุกครั้งที่มีการซื้อหน่วยลงทุนมาเพิ่ม หากมีการขายออก ต้นทุนเฉลี่ยจะยังคงเดิม

ข้อสังเกตุ
ทั้ง 2 วิธี หากมีแต่การซื้อหน่วยลงทุนอย่างเดียว ค่าเฉลี่ยที่ได้จะเท่ากัน
แม้ว่าต้นทุนจะแตกต่างกัน แต่ว่าผลสุดท้ายถ้าขายหมดก็จะได้กำไรเท่ากัน
ข้อมูลเพิ่มเติมลองดูตัวอย่างที่: https://www.nomuradirect.com/th/help/information-faqs.aspx

Leave a Reply